อักขระเป็นไบต์ – วิธีแปลงอักขระเป็นไบต์
อักขระอยู่รอบตัวเรา — ทุกตัวอักษร สัญลักษณ์ อิโมจิ และเครื่องหมายวรรคตอนที่คุณเห็นบนหน้าจอล้วนเป็นอักขระ แต่เบื้องหลังอักขระเหล่านี้จะถูกเก็บเป็นไบต์ หากคุณทำงานกับไฟล์ ระบบเข้ารหัส หรือการประมวลผลข้อความ การแปลงอักขระเป็นไบต์จะช่วยให้คุณทราบว่าข้อความต้องใช้พื้นที่จัดเก็บหรือแบนด์วิดท์เท่าไร
การคำนวณนี้ขึ้นกับระบบเข้ารหัส แต่เมื่อเข้าใจกฎแล้ว การคำนวณก็ทำได้รวดเร็ว

อักขระ (char) คืออะไร?
อักขระคือหน่วยตัวอักษรหนึ่งๆ เช่น ตัว A ตัวเลข 5 สัญลักษณ์ @ หรือแม้แต่ อิโมจิ 😊 ในคอมพิวเตอร์อักขระจะถูกเก็บด้วยระบบเข้ารหัสซึ่งเชื่อมโยงอักขระแต่ละตัวกับ 1 ไบต์หรือมากกว่า
รูปแบบการเข้ารหัสที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่:
-
ASCII – ใช้ไบต์ละ 1 ตัว ครอบคลุมตัวอักษรและสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษ
-
UTF-8 – ความยาวผันแปร ใช้ 1–4 ไบต์ต่ออักขระ
-
UTF-16 – ปกติใช้ไบต์ละ 2 ตัว บางครั้งเป็น 4 ไบต์
-
ISO 8859-1 – ใช้ไบต์ละ 1 ตัว สำหรับภาษายุโรปตะวันตกส่วนใหญ่
ขึ้นกับการเข้ารหัส อักขระแต่ละตัวอาจใช้ไบต์มากกว่า 1 ตัว
ไบต์ (B) คืออะไร?
ไบต์คือกลุ่มของ 8 บิต เป็นหน่วยมาตรฐานในการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือโค้ด เมื่อคอมพิวเตอร์เก็บอักขระ จะคำนวณเป็นไบต์ตามระบบเข้ารหัสที่เลือก
ในหลายกรณี เช่น ข้อความภาษาอังกฤษทั่วไปกับการเข้ารหัส ASCII จะมีอัตราส่วน 1 อักขระ = 1 ไบต์ แต่สำหรับข้อความหลายภาษา อิโมจิ และสัญลักษณ์พิเศษ อัตราส่วนนี้จะเปลี่ยนไป
วิธีแปลงอักขระเป็นไบต์
ถ้าใช้ระบบเข้ารหัส 1 ไบต์ต่ออักขระ เช่น ASCII หรือ ISO 8859-1:
bytes = characters × 1
สำหรับ UTF-8 ซึ่งความยาวผันแปร ให้ประมาณค่าโดย:
bytes = characters × ขนาดไบต์เฉลี่ย
ค่าขนาดเฉลี่ยขึ้นกับภาษา สำหรับภาษาอังกฤษจะใกล้เคียง 1 แต่สำหรับภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน หรือเนื้อหาที่มีอิโมจิสูง จะอยู่ระหว่าง 2–3 ไบต์ต่ออักขระ
✅ ตัวอย่าง: แปลง 100 อักขระเป็นไบต์ (ใช้ ASCII)
bytes = 100 × 1
bytes = 100
✅ ตัวอย่าง: แปลง 120 อักขระเป็นไบต์ (ใช้ UTF-8 ขนาด 1.4 ไบต์/อักขระ)
bytes = 120 × 1.4
bytes = 168
ดังนั้น ข้อความ 120 อักขระที่ผสมอักขระมีเครื่องหมายวรรณยุกต์ อิโมจิ หรือสคริปต์นอน-ลาติน อาจใช้พื้นที่ราว 168 ไบต์
ถ้าคุณทำงานด้านพัฒนาเว็บ การปรับขนาดไฟล์ หรือจำกัดขนาดฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบชนิดการเข้ารหัสก่อน แล้วใช้สูตรแปลงให้ถูกต้อง
หากต้องการคำนวณทันที ลองใช้เครื่องมือแปลงหน่วยเก็บข้อมูล หรือสำรวจเครื่องมือแปลงหน่วยอื่นๆ ในไดเรกทอรีของเรา
เคยทราบไหม?
-
ASCII มีเพียง 128 ตัวอักขระ — เหมาะกับภาษาอังกฤษ แต่ไม่รองรับสัญลักษณ์อย่าง ñ หรือ €
-
UTF-8 กลายเป็นการเข้ารหัสเริ่มต้นบนเว็บ เพราะรองรับทุกภาษาและสัญลักษณ์ในขนาดที่กะทัดรัด
-
อิโมจิเพียงตัวเดียว เช่น 🚀 ใช้ 4 ไบต์ใน UTF-8 — มากกว่าคำทั้งคำใน ASCII ปกติ
-
ข้อจำกัดขนาดไฟล์ในระบบอย่าง SMS (160 ตัวอักขระ = 160 ไบต์ใน ASCII) ขึ้นกับการแปลงอักขระเป็นไบต์โดยตรง
-
ถ้าเข้ารหัสไม่ตรงกันอาจเจอสัญลักษณ์ "�" เกิดจากซอฟต์แวร์ตีความโครงสร้างไบต์ของอักขระไม่ถูกต้อง
อักขระกลายเป็นข้อมูลอย่างไร
ในช่วงแรกของคอมพิวเตอร์ การเก็บอักขระยังง่าย — อักขระหนึ่งตัวเท่ากับหนึ่งไบต์ แต่เมื่อระบบต้องรองรับหลายภาษาและอักขระพิเศษ ระบบเข้ารหัสอย่าง UTF-8 จึงต้องออกแบบให้รองรับหลายไบต์ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าปัจจุบันการแปลงอักขระเป็นไบต์จึงต้องรู้ไม่เพียงแต่จำนวนอักขระ แต่รวมถึงชนิดของอักขระด้วย
ตั้งแต่ทวีตไปจนถึงไฟล์ข้อความหรือเว็บไซต์ทั้งเว็บ ปริมาณข้อมูลที่ข้อความใช้ขึ้นกับการเข้ารหัสที่เลือก ดังนั้นเมื่อคุณแปลงอักขระเป็นไบต์ คุณไม่ได้แค่แปลงหน่วย แต่กำลังวัดว่าข้อความถูกเก็บเป็นข้อมูลอย่างไร
ใช้เครื่องมือแปลงหน่วยเก็บข้อมูลของเรา เพื่อแปลงอักขระเป็นไบต์ได้ทันที และสำรวจรูปแบบอื่นๆ กับเครื่องมือแปลงหน่วยครบชุดของ Jetcalculator ในเครื่องมือแปลงหน่วยของเรา
